วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คุณลักษณะ CEO ที่ประสบความสำเร็จ

ยุคนี้เป็นยุคที่เรามักจะได้ยินคำว่า CEO หรือ Chief Executive Officer กันจนชินหูเลย ซึ่งก็จะมีคำแปล
ต่าง ๆ กันไป แต่สรุปความหมายคือผู้นำสูงสุดขององค์การที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการตัดสินใจ หรือที่เขามักจะเรียกว่าผู้นำแบบบูรณาการแต่โลกเรานี้ก็มีสองด้านอยู่เสมอนะครับมีความสำเร็จก็ต้องมีล้มเหลว เช่นเดียวกัน

CEO ที่พูดถึงนี้ก็มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะชอบฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ ทำให้บางครั้งมองข้ามที่สิ่งที่ไม่อยากจะฟังไป ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่ล้มเหลวนั้นอาจเป็นข้อเตือนใจที่ไม่ทำให้เราทำผิดซ้ำกับที่คนอื่นได้ทำมาแล้วก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ วันนี้เลยมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับผู้นำ หรือ CEO ที่ประสบความสำเร็จซึ่งเผยแพร่อยู่ใน ยู.เอส.เอ.ทูเดย์ ด็อทคอม โดยคุณ เดนิส เกิร์สเทน และ สาเหตุที่ CEO ประสบความล้มเหลวโดย ดร.เดวิด ด็อทลิซ และ ดร.ปีเตอร์ ไคโร ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้นำในทุกระดับมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นแง่คิดสำหรับท่านดังนี้ CEO ที่ประสบความสำเร็จจะมีคุณลักษณะดังนี้

 1. สร้างทีมงานโดยการกระจายอำนาจในการตัดสินใจ (Build teamwork by empowering employees to make decisions) โดยผู้นำในแต่ละระดับจะมีอำนาจตัดสินใจเพื่อความคล่องตัวในการให้บริการกับลูกค้า จะทำให้งานไม่เป็นระบบราชการและลดขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีหลายองค์การนะครับที่รวบอำนาจการตัดสินใจไว้ที่ผู้นำสูงสุด หรือผู้นำในองค์การระดับสูงเพียงไม่กี่คน เพราะมีแนวความคิดที่ว่าการกระจายอำนาจจะทำให้ตนเองสูญเสียอำนาจ แต่อย่าลืมนะครับว่า ปัจจุบันนี้การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน องค์การใดมีขั้นตอนการทำงานที่เยิ่นเย้อมากมายแล้ว ย่อมเสียเปรียบคู่แข่งในที่สุด 2. ผู้นำจะต้องรับผิดชอบและมีบทบาทในการนำหน่วยงานมุ่งไปข้างหน้า (Take charge) ไม่ว่าจะพบเรื่องร้ายหรือดี ไม่ใช่เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งการ ซึ่ง Key word ในข้อนี้คือคำว่า “ความรับผิดชอบ” หรือ Accountability ซึ่งอาจเรียกให้ชัดเจนว่า “สำนึกในความรับผิดชอบ” ที่จะต้องมีอยู่สูงกว่าความรับผิดชอบ “Responsibility” เช่น เมื่อหัวหน้างานสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานแล้วงานประสบปัญหาจนถูกตำหนิ ผู้ใต้บังคับบัญชานั้นยังคงต้องมีความรับผิดชอบที่เราเรียกว่า Responsibility ของเขาอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญ หัวหน้าจะบอกว่านี่เป็นความรับผิดชอบและเป็นความผิดของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่เพียงคนเดียวไม่ได้ หัวหน้ายังจะต้องมีสำนึกในความรับผิดชอบ (Accountability) เพราะตัวเองยังเป็นหัวหน้าเขาอยู่และจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดอยู่ดี แม้ว่าความผิดพลาดหรือล้มเหลวจะมาจากผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม ดังนั้นหัวหน้าที่คอยโบ้ยความรับผิดชอบให้ลูกน้องเมื่องานผิดพลาดและบอกว่าฉันไม่ได้ทำ แต่ลูกน้องต่างหากที่ทำผิดพลาดน่ะ แสดงว่าท่านขาดคุณสมบัติของ CEO ที่ประสบความสำเร็จแล้วล่ะ 3. รู้จังหวะว่าเมื่อไหร่ควรถอย (Know when to back off) ผู้นำที่ดีควรจะต้องรู้สมรรถนะของผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองว่าใครทำงานอะไรได้ดีมากน้อยแค่ไหน และดูแลให้เขาทำงานไปตามหน้าที่งานโดยไม่เข้าไปจุกจิกหรือทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาแทนเสียเอง และไม่ควรคิดว่าตนเองรู้งานของผู้ใต้บังคับบัญชา แถมยังรู้สึกว่าตนเองทำงานนั้นได้ดีกว่าเขาเสียอีก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นในไม่ช้าหัวหน้างานคนนั้นก็จะกลายเป็น “ผู้จัดการวิญญาณเสมียน” ในที่สุด ทางที่ดีควรถอยห่างออกมาแล้วทำหน้าที่เสมือนโค้ชจะดีกว่า 4. เชื่อมั่นในตัวผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ความสำคัญในเรื่องคน (Invest in power people) ผู้นำที่ดีจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องคนตั้งแต่การจ้างหรือการสรรหาคัดเลือกคนเข้ามาทำงานกับองค์การเลยครับ เพราะนี่คือปราการด่านแรกในการหาคนที่มีคุณภาพเข้ามาในองค์การ หากได้คนไม่ดีเข้ามาแล้วจะเป็นปัญหากับองค์การในระยะยาวเลยนะครับ สำหรับในเรื่องการสรรหาบุคลากรนั้นผมเคยเขียนลงใน For Quality ไปถึงสี่ตอนแล้ว ท่านที่เคยอ่านผ่านตาไปแล้วคงยังจำได้ ซึ่งในเรื่องนี้ผู้นำในองค์การให้ความสำคัญมาก 5. กล้าเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน (Face uncertainty) คำ ๆ นี้แทบไม่ต้องแปลความเพิ่มเติมแล้วนะครับ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนนั้นย่อมท้าทายความสามารถของผู้นำอยู่ตลอดไป 6. มีความพยายามในการเอาชนะข้อสงสัยและปัญหาต่าง ๆ (Overcome doubts) โดยมุ่งมั่นในผลสำเร็จของงานเพื่อขจัดปัญหาต่าง ๆ เมื่อเราได้ทราบว่าผู้นำหรือ CEO ที่ประสบความสำเร็จมีคุณลักษณะอย่างไรแล้ว เราลองมาดูผู้นำหรือ CEO ที่ล้มเหลวกันบ้างว่ามีอะไรบ้างดังนี้.....   ผู้นำที่ล้มเหลว 1. มีความหยิ่งทะนงตน (Arrogance) คิดว่าตัวเองถูกและคนอื่นผิดอยู่เสมอ
 2. คิดว่าตนเองเป็นจุดรวมของความสนใจของผู้คนรอบข้าง (Melodrama)
 3. อารมณ์ไม่คงที่ ขึ้น ๆ ลง ๆ (Valatility) แกว่งไปแกว่งมา เช้าก็อารมณ์หนึ่ง บ่ายอาจจะเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาจะเข้าไปพบต้องดูทิศทางลมให้ดีเสียก่อน
 4. กลัวการตัดสินใจ (Excessive cautions) เวลาจะตัดสินใจมักจะใช้เวลาคิดมาก เพราะกลัวว่าถ้าตัดสินใจไปแล้วผิดพลาดตัวเองจะต้องรับผลนั้น ซึ่งแน่ล่ะครับ ถ้าองค์การใดมีผู้นำในลักษณะนี้คงไม่ต้องสงสัยว่า งานแทบทั้งหมดจะต้องเข้าไปรออนุมัติอยู่ในห้องของ CEO เป็นตั้ง ๆ เลย
 5. มองแต่เรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี (Habitual Distrust) คิดแต่เรื่องที่เป็นลบ มองไปที่งานใดก็จะคิดแต่เรื่องไม่ดีไว้ก่อน จะเรียกว่ามองโลกในแง่ร้ายก็ได้นะครับ
 6. ไม่นำตัวเข้าไปผูกสัมพันธ์กับใคร หรือไม่ติดต่อคบค้าสมาคมกับใคร (Aloofness) ผู้นำประเภทนี้อาจจะเป็นผู้นำประเภท “มั่น” มาก ๆ ประเภท “ข้าแน่” มองคนรอบตัวด้อยกว่าไปหมด ก็เลยไม่เห็นความสำคัญหรือความจำเป็นที่จะต้องผูกสัมพันธ์กับใคร
 7. เชื่อว่ากฎระเบียบถูกสร้างมาให้ถูกทำลาย (Mischievousness) ผู้นำประเภทนี้มักจะเชื่อว่าเขาสามารถจะทำลายสิ่งใดได้เสมอ (ถ้าเขาไม่พอใจมันขึ้นมา) น่ากลัวนะครับสำหรับผู้นำประเภทนี้ เพราะเขาพร้อมจะสร้างกฎใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของตนเองซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะถูกไปเสียทุกเรื่องเสียเมื่อไหร่ล่ะ
 8. เลือกที่จะแตกต่าง (Eccentricity) หรือเลือกที่จะเป็นเพียงเพื่อคุยว่าตนเองแตกต่างจากคนอื่น แต่โดยแท้ที่จริงแล้วความแตกต่างนั้นไม่ได้มีนัยยะอะไรที่สำคัญที่จะอ้างได้เลย เรียกได้ว่าเป็นผู้นำประเภทที่ตีฆ้องร้องป่าวว่า “ฉันแตกต่าง” แต่พอถามความเห็นของคนที่เข้ามามุงดูแล้วกลับบอกว่า “ก็เพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น....” ลองคิดดูสิครับว่าถ้าองค์การของท่านมีผู้นำที่เพียงใช้ความรู้สึกของตนเองว่าแตกต่าง แล้วตัดสินใจผลิตสินค้าหรือบริการที่ลูกค้า (หรือแม้แต่พนักงานที่ชำนาญในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ) ก็ยังมองว่าไม่แตกต่าง แล้วออกไปสู่ตลาดแล้ว จะเกิดผลอะไรขึ้นกับสินค้าตัวนั้น ?
 9. ไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด (Passive Resistance) อ้าว ! ถ้าได้ผู้นำประเภทนี้ก็ยุ่งแล้วนะครับ เพราะพูดในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่มีความเชื่อนั้นอยู่เลย มันก็ขัดแย้งแย่น่ะสิครับ แล้วอย่างนี้จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเชื่อได้อย่างไรล่ะครับ นาน ๆ ไปก็จะกลายเป็นท่าน “พูดอย่างแล้วทำอีกอย่างหนึ่ง” ในที่สุดน่ะสิครับ
 10. เสียเวลาไปกับการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมก็ทำได้ดี แต่พอเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ที่สำคัญ ๆ กลับทำผิดพลาด (Perfectionism) เสียนี่ หรือเรียกว่า “เล็ก ๆ ทำ (ได้ดีเสียด้วย) แต่ใหญ่ ๆ ทำผิดพลาด”
 11. อยากจะทำตัวให้เป็นคนที่คนอื่นรักอยู่เสมอ (Eagerness to please) เรียกว่าอยากสร้างภาพให้ตัวเองเป็นพ่อพระ หรือแม่พระ ภาพพจน์ตัวเองจะต้องดูดีเสมอ ซึ่งในชีวิตจริงของผู้นำนั้นจะต้องมีทั้ง “ให้คุณ” และ “ให้โทษ” กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ หรือในบางสถานการณ์ต้องการความชัดเจนเด็ดขาด หากผู้นำยังต้องการทำตัวให้เป็นที่รักของคนรอบข้างตลอดเวลานั้น ผู้นำท่านนั้นก็น่าจะพบปัญหาแล้วล่ะ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังทั้งหมดข้างต้นนี้คงจะพอประยุกต์ใช้กับหัวหน้างานที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา ในระดับถัด ๆ ลงมาจาก CEO ตลอดจนทุกท่านที่สนใจด้วย เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะย่ำอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการเลื่อนตำแหน่ง หรือขาดความก้าวหน้าในงานใช่ไหมครับ ในขณะเดียวกันแม้วันนี้ท่านอาจจะยังไม่ใช่ CEO แต่ท่านก็ลองดู CEO ของท่านในวันนี้สิครับว่าเขาอยู่ในข้อใดที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ หรือเขากำลังอยู่ในข้อใดที่กำลังจะนำพาตัวเขา (พร้อมทั้งตำแหน่ง) ไปสู่ความล้มเหลว เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับตำแหน่งหน้าที่การงานของท่านในวันข้างหน้าที่จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำกับตัวอย่างที่ท่านได้เห็นแล้วไง

อ้างอิง  Posted by ธำรงศักดิ์ ที่มา: http://www.excelexperttraining.com Category : HR Share Knowledge